Menu
สายด่วนบริการลูกค้า : 02-692-8404-12

หน้าแรก / บทความที่น่าสนใจ

[สุขภาพ] - "ภาวะอ่อนล้าทางอารณ์" ผลจากความเครียดที่คนทำงานต้องเจอ

20/10/2020

     ในโลกปัจจุบันความรับผิดชอบหลายๆ ทำให้คุณกำลังรู้สึกกระวนกระวาย เครียด หรือเหนื่อยล้า อยู่หรือเปล่า คุณกำลังรู้สึกว่างานเยอะเกินไปทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกหรือเปล่าหรืองานบ้านเยอะเกินไป จัดการไม่จบไม่สิ้นเสียที
     เป็นไปได้ว่าคุณกำลังจะเริ่มมีภาวะอ่อนล้าทางอารมณ์ หรือ emotional burnout แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป ดร.ราดา ม็อดกิล แพทย์และนักจัดรายการชาวอังกฤษ มีเคล็ดลับในการสังเกตว่าคุณมาอาการนี้หรือไม่ และจะดูแลรักษาสุขภาพจิตตัวเองได้อย่างไร
     ดร.ม็อดกิล เปรียบเทียบภาวะอ่อนล้าทางอารมณ์ว่าเหมือนกับแบตเตอรี่โทรศัพท์ที่หมดอย่างรวดเร็ว
     ภาวะอ่อนล้าทางอารมณ์ คืออะไร คำตอบนั้นง่ายเป็นอย่างมาก นั่นคือความเครียดของคุณมีระดับที่มากเกินไปและเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้เรา "รู้สึกว่าไม่สามารถจะจัดการกับอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตได้" และไม่ใช่ความเครียดเฉพาะเรื่องงาน แต่ทุกๆสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด
     ถ้าตัวคุณเป็นมือถือ ความเครียดก็เหมือนแอพพลิเคชั่นที่ทำงานอยู่ตลอด มันจะค่อยๆกัดกินพลังงานจากแบตเตอรี่ของโทรศัพท์รู้ตัวอีกทีแบตเตอรี่ก็เหลือพลังงานเพียงน้อยนิดแล้ว เปรียบกับตัวคุณที่กำลังรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิต
     แม้หลายๆคนพยายามจัดการขจัดความเครียดนั้นด้วยวิธีการต่างๆ บางคนก็หลุดพ้นออกมาได้ แต่สำหรับบางคนก็ทำได้เพียงเหมือนชาร์จแบตเตอรี่ที่ขึ้นมาเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์แล้วก็ต้องรีบใช้งานโทรศัพท์นั้นต่อ นอกจากไม่หลุดพ้นแล้วยังกลับกลายเป็นรู้สึกว่าจมดิ่งหนักขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม

เคล็ดลับดูแลตัวเอง = ชาร์จแบตเตอรี่อย่างไรให้เต็ม
     อย่างที่บอกไปว่าหลายคนมีวิธีขจัดความเครียดด้วยตัวเองที่เห็นผล แต่บางคนก็ไม่อาจขจัดความเครียดให้หลุดพ้นออกไปได้ เพียงแค่ปัดเป่ามันออกไปจากจิตใจชั่วเวลาหนึ่ง สุดท้ายมันก็คืบคลานกลับเข้ามาเกาะกุมจิตใจเหมือนเดิม ดังนั้นใครที่เป็นแบบนี้ลองทำตามเคล็ดลับดูแลตัวเองนี้ดู 

-เป็นผู้ฟังตัวเองด้วยความเห็นอกเห็นใจ ใช้เวลาวันละ 20 นาที นั่งพิจารณาว่าตัวเองกำลังคิดและรู้สึกอะไร อย่าไปตัดสินตัวเอง

-มุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่กำลังไปได้ดี ถ้างานไม่ดี แต่สถานการณ์ที่บ้านดี พยายามซึบซับความรู้สึกเชิงบวกจากที่บ้านให้ได้มากที่สุด และส่วนดี ๆ ในชีวิตนี้เองสามารถช่วยคุณชาร์จแบตเตอรีให้ตัวเองได้

-ไปคุยเพื่อนที่ทำให้คุณรู้สึกดีได้ ความสัมพันธ์ที่แข็งแรงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณแข็งแกร่ง

-ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

-ทำในสิ่งที่คุณชอบ และถือว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของคุณ

-ฟังเพลงที่ชอบ

-นอนหลับให้เพียงพอ

-ทำสิ่งต่าง ๆ ที่พูดมานี้ให้เป็นนิสัย

     หากเราทำตามนี้ ใส่ใจชีวิต ใส่ใจตัวเอง ดูแลจิตใจตัวเองให้เข็มแข็ง ก็เหมือนเราเปลี่ยนแบตเตอรี่ชีวิตให้เป็นคุณภาพที่ดีขึ้น ต่อให้แอพพลิเคชั่นความเครียดจะทำงานเท่าไหร่ก็ลดพลังงานคุณไปได้ไม่มาก แถมยังสามารถชาร์จความสุขเข้ามาเติมเต็มแบตเตอรี่ของเราได้อย่างรวดเร็ว แค่นี้สุขภาพจิตเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

ที่มา : BBC